การบูรณปฏิสังขรณ์
การบูรณะสังขรณ์ (สมัยของพระครูโสภณธรรมรังษี)
ในสมัยของพระครูโสภณธรรมรังษี ในขณะที่ยังดำรงตำแหน่ง  เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสในปี พ.ศ. ๒๕๒๐ 
อยู่นั้น หลวงพ่อพูนกำลังอาพาธได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง  อาการหนักมาก 
ท่านได้พยายามเฝ้าปฏิบัติดูแลรักษานำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์เยียวยารักษาอาการอยู่ในขั้นทรงกับทรุด 
ต่อมาแพทย์ผู้ให้การรักษาพยาบาล ได้แจ้งบอกว่า สุดความสามารถของแพทย์ที่จะรักษาให้หายได้ 
ในที่สุดก็ถึงแก่มรณภาพ ในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๐
     งานก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ 
ภายในวัดไทร  ท่านได้ดำเนินงานตามแบบแปลนแผนผัง 
ตามที่หลวงพ่อพูนได้สั่งไว้ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ  
ให้ย้ายกุฏิทั้งหมดไปไว้ทางทิศใต้  ตามที่ได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ 
เพื่อเป็นการปรับปรุงแก้ไข  ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ท่านมีความตระหนักดีว่า วัดไทรในขณะนั้นเหมือนกับคนไข้ที่ป่วยหนัก  สภาพของวัดทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม  หอสวดมนต์และหอฉัน  กระเบื้องแตกหักร่วงหล่น ไม้กระดานพื้นและหลังคาผุกร่อน  รวมทั้งกุฏิบางหลังเป็นที่อยู่อาศัย ของภิกษุและสามเณร เกือบจะอาศัยไม่ได้ เวลาฝนตกหลังคาจะหยดรั่วไหล  สร้างความลำบากให้แก่พระภิกษุ และสามเณรผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นแรงดลใจให้ท่านได้มีโอกาสที่จะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา พัฒนาวัดวาอารามให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป  ท่านจึงขอตั้งจิตอธิษฐานแด่  พระรัตนตรัยมีองค์พระสัมมาสัมพัทธ์เจ้าเป็นประธาน  พร้อมด้วยพระอริยะสงฆ์สาวกแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย  ที่ข้าเจ้าได้มาอุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ ข้าพเจ้าได้อุทิศกาย  วาจา และใจมอบไว้แด่พระพุทธศาสนา  และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ด้วยศีลาจารวัตรอันบริสุทธิ์ของข้าพเจ้านี้  พร้อมด้วยอำนาจบารมีแห่งทานศีล  ภาวนา  จงเป็นพลปัจจัย  ดลบันดาลให้เกิดศรัทธา  สาธุชนทั้งหลายได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์เป็นทุนทรัพย์ ในการดำเนินการก่อสร้าง ถาวรวัตถุให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  โดยปราศจากอุปสรรคทั้งปวง เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ เพราะปรากฏว่าความปรารถนาที่ตั้งใจอธิษฐานไว้นั้น  สาธุชนทั้งหลายเกิดศรัทธาเลื่อมใส  ตั้งจิตตั้งใจช่วยกันพัฒนา  บำรุงพระพุทธศานา  ได้ช่วยกันพัฒนาก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์ให้วัดไทรเจริญรุ่งเรืองและสำเร็จลุล่วงมาโดยลำดับอย่างมิขาดสาย

เมื่อได้รับบริจาคปัจจัยจากญาติโยมแล้ว 
รวบรวมปัจจัยเห็นว่าพอที่จะดำเนินการก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะสงฆ์
ส่วนใดส่วนหนึ่งได้บ้างแล้ว ก็จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างทันที
สิ่งที่ท่านตระหนักคิดอยู่เสมอก็คือ  เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ญาติโยมบริจาคทำบุญมานั้น 
เขาทั้งหลายได้เงินมาด้วยหยาดเหงื่อ และแรงงานได้มาด้วยความเหนื่อยยากลำบาก  
การทำบุญนั้นทุกท่านจบแล้วจบอีก  ด้วยจิตอันผ่องใสบริสุทธิ์ 
ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่าการสร้างหรือดำเนินการก่อสร้างสิ่งใดก็ตาม 
จะต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุด  ก่อนจะดำเนินการก่อสร้างได้ประชุมปรึกษากับ
พระภิกษุสามเณรภายในวัดว่า เราควรหล่อเสาคอนกรีต  สร้างพื้นฐานกันเอง 
ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าแรง  เป็นการประหยัดได้ส่วนหนึ่ง
ส่วนการก่อสร้างที่ต้องใช้ฝีมืออันปราณีต  ญาติโยมและสาธุชนผู้มีจิตเป็นกุศลทั้งหลาย 
เป็นผู้ให้กำลังใจด้วยศรัทธาอันแรงกล้า  และเป็นการรักษาไว้ซึ่งศรัทธาของญาติโยม 
และพุทธบริษัท  งานก่อสร้างและพัฒนาบูรณปฏิสังขรณ์วัดไทรที่เรียกว่า 
“งานสาธารณูปการไปตามลำดับขั้นตอนของการก่อสร้างดังต่อไปนี้
     งานสาธารณูปการ
๑.   พ.ศ.๒๕๒๑ สร้างหอสวดมนต์คอนกรีตเสริมเหล็ก  กว้าง ๙.๔๐ เมตร  ยาว ๒๒.๙๐ เมตร  ทรงไทยพื้นขัดหิน หลังคามุงกระเบื้องเคลือบแบบกาบ  กล้วยเทพพนม ช่อฟ้า ใบระกา หน้าบัน ลงลักปิดทองประดับกระจกสี  พร้อมนอกชานคอนกรีตเสริมเหล็กรอบหอสวดมนต์กว้าง ๕ เมตร ยาว ๔๓.๙๐ เมตร  เชื่อมระหว่างหอสวดมนต์กับกุฏิ สิ้นเงินก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๘๖๒,๖๒๔  บาท (หนึ่งล้านแปดแสนหกหมื่นสองพันหกร้อยยี่สิบสี่บาทถ้วน )
๒. พ.ศ.๒๕๒๒ สร้างกุฏิทรงไทย โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนเป็นตัวเรือนไม้สัก ฝาลูกสกล กว้าง ๕.๗๐ เมตร ยาว ๑๐.๕๐ เมตร จำนวน ๘ หลังๆละ ๕๔๒,๒๖๓ บาท (ห้าแสนสี่หมื่นสองพันสองร้อยหกสิบสามบาทถ้วน) รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔,๓๓๘,๑๐๔บาท (สี่ล้านสามแสนสามหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยสี่บาทถ้วน)
๓.  พ.ศ.๒๕๒๓ สร้างกุฏิทรงไทย หลังคาแฝด คอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น กว้าง ๘.๐๐เมตร ยาว ๑๘.๓๐ เมตร หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ แบบกาบกล้วยเทพพนม ชั้นล่างเป็นที่เก็บพัสดุของวัด  ชั้นสอง เป็นที่ศึกษาพระปริยัติธรรม ชั้นสามเป็นที่อยู่ของสงฆ์ สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๐๔๖,๓๙๔ บาท (สองล้านสี่หมื่นหกพันสามร้อยเก้าสิบสี่บาทถ้วน)
๔.  พ.ศ.๒๕๒๔ สร้างสุสานที่เก็บศพเป็นห้อง ๆ คอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง ๘.๕๐เมตร ยาว ๑๓.๒๐ เมตร หลังคาทรงไทย จำนวน ๔๘ ห้อง สิ้นค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๗๔, ๓๕๐ บาท (สองแสนเจ็ดหมื่นสี่พันสามร้อยห้าสิบบาทถ้วน) (พระภิกษุและสามเณรดำเนินการก่อสร้างเอง ไม่ต้องจ่ายค่าแรงงาน)
๕.  พ.ศ.๒๕๒๕ สร้างศาลาบำเพ็ญกุศล คอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง ๙.๒๐ เมตร ยาว๑๘.๒๐ เมตร  ทรงไทยประยุกต์ พื้นหินขัด เสาประดับโมเสด หลังคามุงกระเบื้องซีเมนต์แบบใหม่  สิ้นค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๒๙,๒๑๔ บาท (ห้าแสนสองหมื่นเก้าพันสองร้อยสิบสี่บาทถ้วน)
๖.   พ.ศ.๒๕๒๖ สร้างหอระฆัง คอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง-ยาว ๕.๗๐ เมตร ๓ ชั้น สูงสุดยอด๒๒ เมตร  แบบจัตุรมุข ยอดเป็นมณฑป เสาประดับโมเสด หน้าบันปั้นลายกนก ลงลักปิดทองประดับกระจกสี พร้อมระฆัง ขนาด ๑๐ กำ ๑ ลูก สิ้นค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๖๒,๗๒๒ บาท (ห้าแสนหกหมื่นสองพันเจ็ดร้อยยี่สิบสองบาทถ้วน)
๗.  พ.ศ.๒๕๒๖ สร้างกำแพงเขตสังฆาวาส สูง ๒.๐๐ เมตร ยาว ๑๓๐.๐๐ เมตร คอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมซุ้มประตู สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๕๙,๔๕๕ บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันสี่ร้อยห้าสิบห้าบาทถ้วน)
๘.  พ.ศ.๒๕๒๗ สร้างห้องทำครัว  ห้องส้วม-น้ำ ที่ศาลาบำเพ็ญกุศล ๑ หลัง สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๒,๕๐๐ บาท (สี่หมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน) และเทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ใต้ถุนบริเวณเขตสังฆวาสเนื้อที่ ๓๘๐ ตารางเมตร สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๑,๖๐๐ บาท (สี่หมื่นหนึ่งพันหกร้อยบาทถ้วน) และค่าทรายถมที่ ๑๔๒ รถ ๆ ละ ๕๐๐บาท ถมบริเวณวัด เป็นเงินทั้งสิ้น ๗๑,๐๐๐ บาท (เจ็ดหมื่นหนึ่งพันบาทถ้วน)
๙.   พ.ศ.๒๕๒๘ สร้างถังเก็บน้ำฝน ขนาดกว้าง ๕ เมตร ยาว ๘.๓๐ เมตร สูง ๒.๐๐ เมตร สิ้นเงินค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ บาท (สี่หมื่นบาทถ้วน) ซื้อดินถมที่บริเวณวัด ๒๒๐ คัน ๆ ละ ๕๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นบาทถ้วน)
๑๐.   พ.ศ. ๒๕๓๑-๒๕๓๔ สร้างศาลาการเปรียญ คอนกรีตเสริมเหล็ก กว้าง ๑๘ เมตร ยาว๓๒ เมตร สิ้นค่าก่อสร้าง เป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๐๙๗,๑๔๓ บาท (สามล้านเก้าหมื่นเจ็ดพันหนึ่งร้อยสี่สิบสามบาทถ้วน)
๑๑.   พ.ศ. ๒๕๓๒-๒๕๓๔สร้างซุ้มประตูทรงไทยด้านทิศเหนือ สิ้นค่าก่อสร้างเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๓๖,๕๗๒ บาท (หกแสนสามหมื่นหกพันห้าร้อยเจ็ดสิบสองบาทถ้วน)
๑๒. พ.ศ. ๒๕๓๓สร้างศาลาสามกษัตริย์ (ทอง นาก เงิน) ทรงไทย พร้อมหน้าบัน ช่อฟ้า  ใบระกา  ห้องครัว ห้องน้ำสามหลัง เป็นเงินทั้งสิ้น ๑,๙๖๙,๖๒๒ บาท (หนึ่งล้านเก้าแสนหกหมื่นเก้าพันหกร้อยยี่สิบสองบาทถ้วน)
๑๓.  พ.ศ. ๒๕๓๕ซ่อมและสร้างฌาปนสถานทรงมณฑป (เมรุเผาศพ) เป็นเงินทั้งสิ้น ๙๓๐,๙๑๑ บาท (เก้าแสนสามหมื่นเก้าร้อยสิบเอ็ดบาทถ้วน)
๑๔.  พ.ศ. ๒๕๔๐ สร้างกำแพงวัดริมคลองด้านทิศตะวันออก สูง ๒.๕๐ เมตร ยาว ๑๗๐เมตร เป็นเงินทั้งสิ้น ๓๐๔,๒๙๙ บาท (สามแสนสี่พันสองร้อยเก้าสิบเก้าบาทถ้วน)
๑๕. พ.ศ. ๒๕๔๐ สร้างห้องน้ำชิดกำแพงริมคลอง รวม ๘ ห้อง ห้องละ ๑.๕๐ เมตร ยาว ๑๒ เมตร เป็นเงินทั้งสิ้น ๔๒,๗๗๔ บาท (สี่หมื่นสองพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบสี่บาทถ้วน)
๑๖.   พ.ศ. ๒๕๓๗ - ๒๕๔๒สร้างอุโบสถหลังใหม่ วางศิลาฤกษ์ เมื่อ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๗ เริ่มสร้าง ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๗ เนื้อที่ทำการก่อสร้าง   ๔๐ x ๕๐ เมตร (๒,๐๐๐ตารางเมตร) ตัวอุโบสถ กว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๕.๕๐ เมตร ทรงไทย มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบัน ซุ้มประตู หน้าต่าง ดาวดวงไฟ ไฟระย้า  พระประธาน ชุกชี  ซุ้มเสมา  พื้นปูหินแกรนิต  ลงลักปิดทอง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สิบห้าล้านบาทถ้วน)
รวมค่าก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ๒๕๔๒
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓๐,๐๗๑,๕๖๐ บาท (สามสิบล้านเจ็ดหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยหกสิบบาทถ้วน)
นับว่าเป็นสมัยที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดไทรครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง