หลวงปู่พุ่มกับความศักดิ์สิทธิ์
หลวงปู่พุ่มกับความศักดิ์สิทธิ์
คำสอนของหลวงปู่ เรื่องเครื่องดองของเมา
“ถ้าใครที่ลาสิกขา(สึก)กับท่าน ท่านขอเรื่องสุราไม่ให้ดื่มถ้าใครที่ไม่เชื่อ หรือรับปากแล้วทำไม่ได้
จะมีอันเป็นไปในทางที่ไม่ดี”
(พระครูโอภาสกิตติวัฒน์ได้รับคำบอกเล่าจากโยมผาด อยู่ปราโมทย์)
ในเรื่องวิชาหรือคาถาอาคมต่างๆ หลวงปู่จะไม่ได้เขียนไว้ จะให้กับลูกศิษย์และลูกหลานที่ท่านเห็นว่าควรจะได้
หลวงปู่พุ่มเป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดธรรมวินัย ศึกษาวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานเป็นพระที่พูดน้อย มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไป เป็นจำนวนมากท่านยังมีญาณวิเศษสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เป็นหมดรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้วิชาอาคมท่านก็เป็นเลิศ โดยเฉพาะคนที่ถูกงูพิษกัด ผู้เฒ่าผู้แก่แถบวัดบางโคล่นอก ได้เล่ากันว่ามีอยู่วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่พุ่มท่าน นั่งทำสมาธิอยู่บนกุฏิได้มีข้าราชการหลายคนมานมัสการท่าน ขณะที่เดินมาในวัด เห็นต้นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลดกมาก จึงพากันเก็บรับประทาน หลังจากนั้นก็ขึ้นไปมนัสการท่าน ท่านได้พูดกับข้าราชการเหล่านั้นว่า
“ต้นไม้ที่เขาปลูกนั้น เขาต้องลงแรง ลงทุน พรวนดิน รดน้ำทุกวัน อยู่ๆจะมาเก็บกินโดยไม่ขอเขาเสียก่อนเป็นสิ่งที่ไม่ดี”
ข้าราชการเหล่านั้นถึงกับสะดุ้ง เพราะขณะที่เก็บมะม่วง ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ต้นมะม่วงก็อยู่ไกลเกินสายตาของ หลวงปู่จะมองเห็นได้ แต่ท่านทราบได้อย่างไร เหตุการณ์ ครั้งนั้นจึงเป็นที่โจษขานกันไปทั่วอีกเรื่องหนึ่ง คือ มีคนถูกงูกัดที่เท้าหมดสติ และบรรดาญาติเข้าใจว่าผู้นั้นเสียชีวิต แล้วจึงนำมาวัดเพื่อนจัดการเผา แต่หลวงปู่พุ่มท่านมีณานวิเศษ เหลือบเห็นชานคนนั้นหลวงปู่จึงเดิน ไปหยิบใบพลูมาสามใบ ว่าคาถาเสกใบพลูอยู่พักหนึ่งแล้วนำไปปิดที่ปากแผลงูกัดใบหนึ่ง อีกสองใบ ไปปิดที่ปลายเท้าทั้งสองข้างพร้อมพูดกับบรรดาญาติของ คนเจ็บว่า “ถ้าเป็นบุญกุศลของคนเจ็บ ก็อาจจะฟื้นขึ้นมาได้นะโยม”
แล้วหลวงปู่พุ่มท่านก็มานั่งฉันเพลเสร็จแล้วจึงไปดูที่คนเจ็บปรากฏว่า คนเจ็บพูด ขดน้ำ ญาติเอาน้ำให้ดื่มครู่เดียวเท่านั้นคนเจ็บก็ลุกขึ้น พูดคุยกับญาติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บรรดาญาติดีใจยิ้มได้ทั้งน้ำตา เรื่องนี้ก็ล่ำลือกันไปทั่วอีกเช่นเดียวกัน และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้ใดที่ถูกงูกัดเป็นต้องพามาหาหลวงปู่ให้รักษา โดยไม่มีใครพา ไปโรงพยาบาล และหลวงปู่ก็ทำการรักษาให้หายไปทุกราย
ท่านมีลูกศิษย์มากมาย ที่ก่ออภินิการให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของ คนหลายร้อยตนในสมัยนั้น ได้แก่เสือไทย (ภายหลังเลิกอาชีพปล้นและ เป็นกำนันไทย เสียชีวิตด้วยโรคชรา) ได้มางานเผาศพ หลวงปู่คงที่วัดบางโคล่ใน(วัดเรืองยศสุทธาราม) เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบ และมาล้อมจับเสือไทยในงานเผาศพ ท่ามกลางสายตาของตำรวจและชาวบ้านที่เห็นเสือไทย แต่ตำรวจจับกุมไม่ทัน เสือไทยหายไปต่อหน้าต่อตา (มีผู้เฒ่าเล่าว่าเสือไทยใช้ผ้าประเจียดของหลวงปู่พุ่มและ วิชาวิรุณจำบังกำกับกัน)